วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ข้อดี-ข้อจำกัดของการศึกษาทางไกล
การศึกษาทางไกล( Distance Education)
หมายถึงระบบการศึกษาที่ผู้เรียนและผู้สอนอยู่ใกล้กันแต่สามารถทำให้เกิดการเรียนรู้ได้โดยอาศัยสื่อการสอนในลักษณะของสื่อประสมโดยการใช้สื่อต่างๆร่วมกัน
อาทิเช่น ตำราเรียน เทปเสียง แผนภูมิ หรือโดยการใช้อุปกรณ์ โทรคมนาคมและสื่อมวลชนประเภทวิทยุและโทรทัศน์มาช่วยในการแพร่กระจายการศึกษาไปยังผู้ที่ปรารถนาจะเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวางทั่วทุกท้องถิ่น
หลักการของการศึกษาทางไกล
การศึกษาทางไกลเป็นระบบการศึกษาที่ยึดหลักการในเรื่องต่างๆดังนี้
การศึกษาตลอดชีวิต
ซึ่งถือเสมือนว่าการศึกษาเป็นปัจจัยที่ห้าของการดำรงชีพจึงสมควรใช้การศึกษาเป็นปัจจัยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องแยกชีวิตออกจาการเรียนออกจากชีวิตการทำงาน
การศึกษาจึงน่าจะเป็นกระบวนการที่สอดแทรกอยู่ได้ในวิถีการดำเนินชีวิตปกติผู้ที่สนใจสามารถเรียนเมื่อไรก็ได้โดยคำนึงถึงความพร้อม
ความถนัด ความต้องการและความสนใจ โดยไม่จำเป็นต้องเรียนเพื่อเป็นอาชีพการงาน
การให้โอกาสเท่าเทียมกันทางการศึกษา
เป็นทางเลือกและทางออกไปสู่อุดมคติในการแก้ปัญหาเรื่องความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นการกระจายและขยายโอกาสให้ผู้ที่ต้องละทิ้งการศึกษาก่อนจบหลักสูตรหรือผู้ที่ไม่มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนและผู้ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมได้มีโอกาสได้ศึกษาต่อเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการศึกษาตลอดชีวิต
ส่งเสริมการศึกษามวลชน
เป็นการให้ดารศึกษาแก่มวลชนในระดับต่างๆโดยการใช้สื่อมวลชนหรือสื่ออื่นๆร่วมกันในรูปของสื่อหลายแบบรวมทั้งการใช้สื่ออุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทต่างๆด้วย
ลักษณะสำคัญของการศึกษาทางไกล
ระบบการศึกษาทางไกล
มีลักษณะของการจัดการศึกษาที่ต่างไปจากระบบการเรียนการสอนโดยปกติ
ซึ่งอาจจะสรุปลักษณะที่สำคัญของระบบการศึกษาทางไกลได้ดังนี้
สื่อการสอนกับการศึกษาทางไกล
เนื่องจากผู้เรียนต้องศึกษาด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้นสื่อการสอนจึงมีความสำคัญยิ่งสำหรับการศึกษาทางไกล ซึ่งสื่อการสอนที่ใช้อาจแบ่งออกได้เป็น
3 ประเภท ได้แก่
การศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบกับการศึกษาทางไกล
ดังกล่าวแล้วว่ามีการจัดการศึกษาทางไกลสำหรับการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบ
ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า การศึกษาทางไกลมีข้อดีหรือมีประโยชน์ต่อการศึกษาต่าง ๆ
ในแง่มุม ดังนี้
1. การใช้โทรทัศน์เป็นการสื่อสารทางเดียวผู้เรียนผู้สอนไม่สามารถพูดจาโต้ตอบกันได้
2.โทรทัศน์มิใช่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แทนผู้สอนได้อย่างสิ้นเชิง
ผู้เรียนจึงจำเป็นต้องศึกษาบทเรียนเพิ่มเติมจากสื่ออื่น ๆประกอบด้วย
หรือผู้สอนต้องเป็นผู้ช่วยเหลือแนะแนวทางหรืออธิบายเพิ่มเติมประกอบการชมรายการหรือ
บทเรียนทางโทรทัศน์ด้วย
3.อาจเกิดอุปสรรคในด้านการสื่อสาร
เช่นกระแสไฟฟ้าขัดข้อง หรือสิ่งแวดล้อมของผู้เรียนไม่เอื้ออำนวย
ทำให้ขาดสมาธิในการเรียน
4. การผลิตรายการอาจไม่ดีพอ
ทำให้การสอนไม่น่าสนใจเท่าที่ควร
5.จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายสูงในการจัดซื้ออุปกรณ์ที่สามารถถ่ายทำและใช้เทคนิควิธีการในการผลิตรายการที่มีคุณภาพ
การศึกษาทางไกลมีอยู่ 6 ประเภทด้วยกัน
โดยรายละเอียดของแต่ละประเภท มีดังนี้
1. โทรทัศน์เพื่อการศึกษา (Educational
Television)
ข้อดีและข้อจำกัดในการใช้โทรทัศน์การศึกษา
ข้อจำกัด
2. อาจเกิดอุปสรรคทางด้านการสื่อสาร
เช่น กระแสไฟฟ้าขัดข้อง หรือสิ่งแวดล้อมของผู้เรียนไม่
เอื้ออำนวย
3. จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายสูงในการจัดซื้ออุปกรณ์ที่ผลิตรายการที่มีคุณภาพได้
4. การผลิตรายการอาจไม่ดีพอทำให้การสอนไม่น่าสนใจเท่าที่ควร
5. โทรทัศน์มิใช่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แทนผู้สอนอย่างสิ้นเชิงผู้เรียนจึงจำเป็นต้องศึกษาบทเรียนเพิ่มเติมจากสื่ออื่นๆประกอบด้วย
2. ดาวเทียมเพื่อการศึกษา (Satellite for
Education)
การใช้ดาวเทียมเพื่อการศึกษา
นับตั้งแต่ความสำเร็จของสหรัฐอเมริกาในการส่งดาวเทียมเอทีเอส
– 6 ซึ่ง
เป็นดาวเทียมดวงที่ส่งเพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาโดยเฉพาะเพื่อยกระดับการ
ศึกษาเข้าสู่ยุคอวกาศ
เป็นการส่งเสริมการศึกษาให้เข้าถึงประชาชนได้ทั่วทุกท้องถิ่นทั่วประเทศ
เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2517 ปัจจุบันสามารถนำเอาดาวเทียมแพร่สัญญาณโดยตรงมาใช้ในลักษณะการรับตรงจากดาวเทียม
เรียกว่า “
ระบบดีทีเอช ” สามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านสถานีรับ
การจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมมีประโยชน์
ดังนี้
1. เพื่อการศึกษาในระบบโรงเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาไปจนถึงระดับอุดมศึกษา
5. เพื่อการศึกษาผู้ใหญ่โดยสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง
6. เป็นพัฒนาการของการจัดการด้านการศึกษา
3. คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา( Computer Education)
คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
คอมพิวเตอร์
เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพและศักยภาพสูงในการคำนวณ และประมวลผล
สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ประเภทของคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
3.1 คอมพิวเตอร์เพื่อการบริหาร ( computer
Applications into Administration)
1.1 การบริหารงานทั่วไป
เป็นการนำคอมพิวเตอร์ช่วยในการบริหารงานบุคคล งานธุรการ
การเงินและบัญชีการประชาสัมพันธ์ รวมถึงการจัดทำระบบฐานข้อมูล ( Management
Information System :MIS) เพื่อประโยชน์ในการวางแผนและบริหารการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นต้น
1.2 งานบริหารการเรียนการสอน
เป็นการนำคอมพิวเตอร์ช่วยในการบริหารของครูผู้สอนนอกเหนือจากงานด้านการสอน ปกติ
เช่น งานทะเบียน งานด้านเอกสาร การจัดตารางสอน ตารางสอบ
การตรวจและการเก็บรวบรวมคะแนน การสร้าง-วิเคราะห์ข้อสอบ การวัดและประเมินผลการเรียน
เป็นต้น
3.2 คอมพิวเตอร์เพื่อการจัดการเรียนการสอน
( Computer
-Managed Instruction)
การ
ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการเรียนการสอน
เพื่อช่วยให้ครูผู้สอนไม่ต้องเสียเวลากับการงานบริหาร
ครูผู้สอนจะได้มีเวลาไปปรับปรุงบทเรียนให้ทันสมัยและมีเวลาให้กับนักเรียน มากขึ้น
เช่น การจัดเลือกข้อสอบ การตรวจและให้คะแนนและวิเคราะห์ข้อสอบ
การเก็บประวัตินักเรียนเฉพาะวิชาที่สอนเพื่อดูพัฒนาการด้านการเรียนและการ
ให้คำปรึกษา และช่วยในการจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการเรียนการสอนของวิชาที่สอน
รวมถึงการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดการเรียนการสอนจะทำให้ครูผู้สอนสามารถ
วิเคราะห์ผู้เรียนเพื่อออกแบบและพัฒนาระบบการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตรงกับวัตถุประสงค์และความต้องการของผู้เรียน
3.3 คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ( Computer -Assisted
Instruction : CAI)
คอมพิวเตอร์
ช่วยสอนเป็นกระบวนการเรียนการสอน โดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์
ในการนำเสนอเนื้อหาเรื่องราวต่างๆ มีลักษณะเป็นการเรียนโดยตรง และเป็นการเรียน
แบบมีปฏิสัมพันธ์( Interactive) คือ สามารถ โต้ตอบระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ได้
เช่นเดียวกับการสอนระหว่างครูกับนักเรียนที่อยู่ในห้องตามปกติ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีหลายประเภทตามวัตถุประสงค์ที่จะให้นักเรียนได้เรียน
กล่าวคือ ประเภทติวเตอร์ ประเภทแบบฝึกหัด ประเภทการจำลอง ประเภทเกม
ประเภทแบบทดสอบซึ่งในแต่ละประเภทก็มีจุดมุ่งหมายในการให้ความรู้แก่ผู้เรียน
แต่วิธีการที่แตกต่างกันไป ข้อดีของการใช้คอมพิวเตอร์ ช่วยสอนคือช่วยลดความแตกต่างระหว่างผู้เรียน
เช่นผู้ที่มีผลการเรียนต่ำ
ก็สามารถชดเชยโดยการเรียนจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้
และสำหรับผู้มีผลการเรียนสูงก็สามารถเรียนเสริมบทเรียนหรือเรียนล่วงหน้า
ก่อนที่ผู้สอนจะทำการสอนก็ได้
4. สื่อประสมทางการศึกษา
สื่อประสมหรือสื่อหลายแบบ (Multimedia) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถผสมผสานระหว่างข้อความ
ข้อมูล ตัวเลข ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ตลอดจนระบบโต้ตอบกับผู้ใช้ (Interactive) มาผสมผสานเข้าด้วยกัน
ความหมาย
สื่อประสม บางทีเรียกว่า
มัลติมีเดีย ( Multimedia) มาจากคำว่า มัลติ ( Multi) ซึ่งแปลว่า ความหลากหลาย
และมีเดีย ( Media) ซึ่งแปลว่า สื่อ ดังนั้น สื่อประสมหรือมัลติมีเดีย หมายถึง การนำสื่อหลาย
ๆ ประเภทมาใช้ร่วมกันทั้งวัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการ
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดในการเรียนการสอน โดยการใช้สื่อแต่ละอย่างตามลำดับขั้นตอนของเนื้อหา
และในปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ร่วมด้วย
เพื่อการผลิตหรือการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการเสนอข้อมูลทั้งตัวอักษร
ภาพกราฟิก ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เป็นต้น
องค์ประกอบของสื่อประสม
จากความหมายของสื่อประสมที่กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่า
สื่อประสมในปัจจุบันจะใช้คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลักในการเสนอสารสนเทศในรูปแบบรวมของข้อความ
เสียง ภาพนิ่ง ภาพกราฟิกเคลื่อนไหว และภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน์
เพื่อรวมเป็นองค์ประกอบของสื่อประสมในลักษณะของ "สื่อหลายมิติ"
โดยก่อนที่จะมีการประมวลเป็นสารสนเทศนั้น
ข้อมูลเหล่านี้จะต้องได้รับการปรับรูปแบบโดยแบ่งเป็นลักษณะดังนี้
2. ภาพเคลื่อนไหว
3. ภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน์
4. เสียง
5. ส่วนต่อประสาน
6. การเชื่อมโยงหลายมิติ
ข้อดีและข้อจำกัดของสื่อประสม
5. อินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษา( Internet Education)
ความหมาย
คำว่าอินเทอร์เน็ต ( Internet ) เป็นคำย่อของ Internetwork หมายถึง
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยเชื่อมโยงเครือข่ายย่อยจำนวนมากมายมหาศาล
นับตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้งานภายในบ้านและสำนักงานไปจนถึงคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่แบบเมนเฟรมในโรงงานอุตสาหกรรมและอินเทอร์เน็ตสามารถทำให้คนเราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของโลก
ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตทางการศึกษา
1. ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับสังคม
วัฒนธรรมและโลกมากขึ้น
2. เป็นแหล่งความรู้ขนาดใหญ่สำหรับผู้เรียน
โดย
3. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้เรียนในด้านทักษะการคิดอย่างมีระบบ
4. สนับสนุนการสื่อสารและการร่วมมือกันของ
5. สนับสนุนกระบวนการ
สหสาขาวิชาการ ( interdisciplinary
6. ช่วยขยายขอบเขตของห้องเรียนออกไป
7. การที่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตอนุญาตให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่ให้คำปรึกษาได้และการที่ผู้เรียนมีความอิสระในการเลือกศึกษาสิ่งที่ตนเองสนใจ
ถือเป็นแรงจูงใจสำคัญอย่างหนึ่งในการเรียนรู้ของผู้เรียน
8. ผลพลอยได้จากการที่ผู้เรียนทำโครงการบนเครือข่ายต่างๆ
นี้ ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสที่จะทำความคุ้นเคยกับโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ
บนคอมพิวเตอร์ไปด้วยในตัว เช่น โปรแกรมประมวลผลคำ เป็นต้น
7. ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom )
ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom) หมายถึง
การเรียนการสอนที่กระทำผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของผู้เรียนเข้าไว้กับเครื่อง
คอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการเครือข่าย (File Server) และคอมพิวเตอร์ผู้ให้บริการเว็บ
(Web
sever) เป็นการเรียนการสอนที่จะมีการนัดเวลาหรือไม่นัดเวลาก็ได้ และนัดสถานที่
นัดตัวบุคคล เพื่อให้เกิด การเรียนการสอน มีการกำหนดตารางเวลาหรือตารางสอน
เข้าสู่กระบวนการเรียนการสอนพร้อมๆ กันหรือไม่พร้อมกัน
มีการใช้สื่อการสอนทั้งภาพและเสียง ผู้เรียนสามารถร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือตอบ
โต้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้สอนหรือกับเพื่อนร่วมชั้นได้เต็มที่ ( คล้าย chat room) ส่วนผู้สอน
สามารถตั้งโปรแกรมติดตามพัฒนาการประเมินผลการเรียนรวมทั้งประสิทธิภาพของหลักสูตรได้
ทั้งนี้ ไม่จำกัดเรื่องสถานที่ เวลา (Any Where & Any Time) ของผู้เรียนในชั้นและผู้สอน
ข้อจำกัดห้องเรียนเสมือน
2. มีความล่าช้าในการรอข้อมูลย้อนกลับ
การเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนมักจะเป็นการเรียนต่างเวลาตามความพร้อมของผู้เรียนและผู้สอน
ดังนั้นนักเรียนจึงไม่สามารถได้รับคำตอบโดยทันทีเมื่อต้องการซักถามผู้สอน
ซึ่งแตกต่างจากการเรียนการสอนในห้องเรียนแบบปกติที่สามารถโต้ตอบกันได้โดยทันที
3. ผู้เรียนต้องมีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี
มิฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคสำคัญในการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือน
4. ปฏิสัมพันธ์ทางการเรียนไม่มีความเป็นธรรมชาติและมีน้อยเกินไป
แม้ว่าการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนจะมีช่องทางที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เรียนอื่นๆได้
แต่มนุษย์ก็ยังต้องการ การติดต่อสื่อสารที่เห็นหน้า เห็นตา ท่าทาง
และการแสดงออกในลักษณะต่างๆเพื่อให้เกิดความรู้สึก
ความเข้าใจและความเชื่อมั่นทางความคิด
ซึ่งการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนไม่สามารถตอบสนองข้อสงสัยหรือให้คำชี้แนะ
โดยทันทีอย่างไม่มีอุปสรรค
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น